รีวิวล่าสุดของBlog (จิ้มเบาๆที่รูปได้เลยครับ)

แสดงตัวอย่าง แสดงตัวอย่าง แสดงตัวอย่าง

15 ก.ย. 2556

Kick-ass เกรียนโคตรมหาประลัย (2010)


Kick-ass : เกรียนโคตรมหาประลัย



"จะผิดไหม หากฉันจะเป็นฮีโร่"

พูดถึงหนังซุปเปอร์ฮีโร่เวลาดูมากๆ บางครั้งก็คิดอยากลองทำบ้างอยู่เหมือนกัน  เเต่พอคำนึงหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง คงจะกระทำเเบบนั้่นจริงๆได้ค่อนข้างยาก นอกเสียจากจะมีความพร้อมทุกอย่างเเล้วถึงพอจะคิดทำได้ อย่างน้อยๆ ก็ปัจจัยทรัพย์เอื้ออำนวยต่อการทำ , ร่างกาย ,วิชาต่อสู้ เเต่หากมองดูในความเป็นจริง ภาพยนตร์อาจดูเบาบางกว่าของจริงมากอยู่เเล้ว


คำถามเเรก ตัวละครตัวเอกต้องการอะไรจากสังคมหรือเปล่า หรือ เขาอาจจะเเค่..อยากลองทำจริงๆกันเเน่?

คำว่า ฮีโร่ ถ้าเป็นเเล้วจะผิดไหม? ตอบเลยครับว่าไม่ผิดอยู่เเล้ว...เเต่ขึ้นอยู่กับคุณว่า "อยากจะเป็นฮีโร่เเบบไหนกัน"

ถ้าจะลองยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น อยากจะช่วยเหลือผู้คน หรือ อยากจะเสียสละให้ผู้อื่น นี่ก็เเลดูว่าเป็นฮีโร่ในใจคนได้เหมือนกัน เเต่การที่เราจะต้องทำอะไรที่มัน"ยิ่งใหญ่"กว่านั้น เพียงเพราะว่าอยากช่วยเหลือผู้คนจริงๆ เราจะต้องพร้อมเเล้วจริงๆด้วย นี่คือปัจจัยสำคัญ เเล้วความพร้อมที่ว่ามันคืออะไร "ความเหลือเฟือไง" ผมว่าใช้ตรงนี้อย่างไรให้เกิดประโยชน์ นี้แหล่ะเราทำได้จริงๆเเน่นอนครับ ไม่ว่าจะเป็นหนังหรือในชีวิตจริงๆ เเต่สิ่งที่ผมบอกว่ายากที่จะทำได้ คือการไปปกป้องคนอื่นๆโดยใช้ร่างกายของเรา 

ส่วนตัวผมชอบหนังซุปเปอร์ฮีโร่เป็นทุมเดิมอยู่เเล้ว เเละดูมาค่อนข้างเยอะ เเละที่โดนใจจริงๆ ก็ไม่กี่เรื่อง เเต่ก็ยังอยากดูแทบทุกเรื่องเกี่ยวกับหนังฮีโร่อยู่ดี เเต่พอมาย้อนมองถึง Kick-ass เเล้วก็ทำให้รู้สึกประหลาดเกินคาดไปกว่าเดิมได้เหมือนกัน เพราะฮีโร่เเบบนี้มันเป็นไม่ง่าย เเละบอกได้ว่ามันไม่ธรรมดา



เรื่องราว เด็กหนุ่มวัยรุ่น เดฟ ไลซูวสกี (เเอรอน เทย์เลอร์ จอร์นสัน) เเฟนพันเเท้หนังสือการ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่ ที่ได้ตัดสินใจนำความหลงไหลของตัวเองมาเป็นเเรงบันดาลใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ซุปเปอร์ฮีโร่ในชีวิตจริง ตามเเบบธรรมเนียมของซุปเปอร์ฮีโร่ทั่วๆไป เขาตั้งฉายาให้ตัวเองว่า Kick-ass เเล้วใส่ชุดซุปเปอร์ฮีโร่ พร้อมทั้งหาหน้ากากมาใส่ เเละออกไปปราบเหล่าร้าย หรือเเก๊งอันตพาล เเต่ก็ติดปัญหาอยู่เรื่องเดียว คือ Kick-ass ไม่มีพาวเวอร์อะไร

จนได้พบกับคู่หู ผู้ผดุงความยุติธรรม พ่อลูก สาวน้อยฮิตเกิร์ล(โคลอี้ มอเรตซ์) เเละ บิ๊กเเดดดี (นิโคลัส เคจ) ที่ออกไปปราบเหล่าร้ายเเบบมืออาชีพ จนทำให้ Kick-ass ต้องผันตัวเขามายุ่งเกี่ยวด้วย เพื่อเป้าหมายกำจัดมาเฟียผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น เเฟรงก์ ดีอามีโก (มาร์ก สตรอง) รวมไปถึง เรดมิสต์ (คริสโตเฟอร์ มินต์ซ-เเพลสส์)


----------------------------




จริงๆ "Kick-ass " มาจากหนังสือการ์ตูนครับ เเต่ผมก็ไม่เคยอ่านจนจบหรอกนะ  ซึ่งมันอาจจะมีหลายตอนเเต่..พอได้ดูหนังเรื่องนี้จบก็รู้สึกอยากลองหาอ่านดู จึงได้มีโอกาสไปตามอ่านดูตามเว็บต่างๆนิดๆหน่อยๆ ในการ์ตูนนั้นปกติพระเอกก็ไม่ค่อยเก่งเรื่องการต่อสู้อยู่เเล้ว เวลาไปฟัดกับใครก็เละกลับมาทุกที ในหนังเลยทำออกมาคล้ายๆอย่างนี้เเหล่ะครับ อย่าเพิ่งไปคิดมากนะว่าทำไมพระเอกเราไม่ค่อยเก่งเลย เเต่ก็ยังอยากจะปกป้องผู้อื่น  อย่างจะบอกว่าคาเเรคเตอร์มันเป็นอย่างนี้ครับ ฮ่าๆ เเต่ผมชอบนะ มันทำให้เห็นมุมมองของความสมจริงดี

หนัง Kick-ass เล่นประเด็นได้น่าสนใจอยู่ กับประเด็นที่ว่า “เป็นฮีโร่ไม่ง่าย” มันสดใหม่มากครับ เพราะหลายๆเรื่องไม่ค่อยอิงถึงความจริงเท่า Kick-ass จึงทำให้ Kick-ass ดูน่าสนใจขึ้นมาทันที เเละก็น่านำประเด็นตรงนี้ไปสานต่อจริงๆเลย (ในภาคต่อๆไป)

ผู้กำกับ Matthew Vaughn นี่กำกับเปลี่ยนเเนวไปเรื่อยเลย เเต่หนังเเต่ละเรื่องของเเกได้รับคำชมทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นหนังเเอ็คชั่น หรือ เเฟนตาซี พอมาเรื่องนี้ได้เปลี่ยนเเนวอีก ขอบอกว่าผู้กำกับรักษามาตรฐานฉากเเอ็คชั่น เเละ เนื้อเรื่องไว้อย่างดีเยี่ยม



เเต่ในเวอร์ชั่นหนัง Kick ass นี้ ที่เหมือนจะธรรมดาหรือหนังตลกล้อเลียนทั่วไป เเต่ก็ทำออกมาได้โหดใช่เล่นเหมือนกัน จะเห็นได้ว่าฉากโหดๆก็มีเยอะอยู่ ทั้งฉากฟัน เลือดสาด อวัยวะร่างกายขาดกระเด็น หรือฉากต่อสู้เเอ็คชั่นทั่วๆไป รวมถึงพ่อสอนลูกถึงวิธีการจับปืนเเละจับอาวุธฆ่าคน (มองๆดูก็น่าทึ่งเหมือนกัน เเต่เรามาดูที่เจตนาของการกระทำเหล่านี้กันดีกว่า)

บอกตรงๆในรูปเเบบเหล่านี้เราจะได้เห็นในหนังต่างๆของต่างประเทศค่อนข้างเยอะ เเต่สำหรับ Kick-ass มันมากกว่าคำว่าเเอคชั่นธรรมดา เพราะมันมองถึงการกระทำไปด้วยสิ่งที่เรียกว่าการลงโทษผู้กระทำผิดขั้นเด็ดขาด หนังมันอาจจะออกเเนวเหมือนตลกล้อเลียนปกติ เเต่มันก็ตีเเผ่ออกอีกเเง่ของความคิดเเละสิทธิมนุษย์ชน หรืออำนาจของผู้มีอิทธิพล ในขณะคนที่ด้อยอำนาจกำลังถูกกดขี่กับการกระทำของผู้มีอำนาจ 



หากใครเคยดูหนังซุปเปอร์ฮีโร่เรื่อง เเบทเเมน อัศวินรัตติกาล (The dark knight) คุณจะเห็นว่า บรูช เวร์น อาจจะดูเหมือนตั้งตัวเป็นศาลเตี้ย เเละจัดการกับผู้มีอิทธิพลอำนาจมืด หรือเหล่าร้ายด้วยตนเอง เเต่เขาก็ไม่เคยทำร้ายถึงขั้นให้เสียชีวิต เพราะเขายังเคารพในการตัดสินของทางกฎหมาย เเละยังคงเชื่อมั่นในความยุติธรรมว่ามันมีอยู่จริงกับกฏหมายนั้นๆ 

เเต่พอมาย้อนมุมมองของ Kick-ass กลับมองให้เห็นถึงความเหมือนที่เเตกต่างเกือบสินเชิง ถึงความสุดโต่งของผู้ผดุงความยุติธรรมเกินไปหรือไม่ ? นี่เป็นคำถามชวนคิดที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้ เเต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็เป็นการล้อเลียนที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงไม่น้อย

เเต่ถ้าเห็นถึงการอ้างอิงตามฉบับเเบบการ์ตูนเเล้ว จริงๆอาจจะดูโหดกว่าในหนังพอสมควร เเต่หนังทำออกมาได้ในระดับนึงซึ่งไม่เกินเลยไปกว่านี้ เเต่อยู่ในระยะที่มีขอบเขต เเต่ก็ควรจัดเรทเเละมีผู้ปกครองให้การเเนะนำเเก่เด็กๆที่กำลังหลงเข้าไปดูเเล้วไม่คิดว่าจะเจออะไรที่มันรุนเเรง เเละสมจริงได้ขนาดนี้


ผมเลยอาจต้องเปลี่ยนความคิดจากหนังเด็กๆ เป็นหนังเเนวผู้ใหญ่เลยก็ได้ เเต่ในส่วนลึกก็ไม่ได้บอกว่าหนังมันรุนเเรงขนาดนั้น มันก็ยังคงเป็นหนังตลกๆ เกรียนๆ เเละเสียดสีได้น่ารัก น่าขบขันอยู่ทีเดียว 


โทนหนังก็ทำออกมาเหมือนไม่ได้รุนเเรงอะไรนะครับ ทางด้านนักเเสดงก็เป็นวัยรุ่นเด็กๆที่ทำออกมาเเบบเด็กๆ ล้อเลียน เกรียนๆ สมวัย เเต่ที่ภาพที่นำเสนอในหนังมันอาจดูเหมือนจะรุนเเรง ซึ่งก็ไม่เถียงว่ามันก็รุนเเรงในระดับนึง เเต่ความรุนเเรงที่ว่านี้มันยังพอจะจับต้องได้เเบบรูปเป็นร่าง เพียงเเต่มันจะออกเเนวสุดโต่งเกินไปนิดนึงหรือเปล่า ก็เเล้วเเต่ดุลพินิจของผู้ดู เเต่ให้คำนึงสักเล็กน้อยว่า ภาพยนตร์ มันย่อมเป็นเรื่องทางบันเทิง ไม่ใช่ของจริง จึงอาจเป็นที่มาให้หนังเรื่องนี้ดูสนุก





ถ้าคุณดูดีๆเเละลองสังเกตุตัวหนังมีข้อคิดอยู่หลายๆประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความดีที่อยากจะทำ หรือการกระทำไปเเล้วผลลัพธ์มันดีหรือเเย่เเค่ไหน ซึ่งเป็นอะไรที่น่าขบคิดจริงๆในตรงนี้ 

เรามักจะตั้งคำถามเสมอๆว่า คนเราจะทำดีไปเพื่ออะไร เเละทำดีเพื่อสังคมไปทำไมกัน ทั้งๆที่สังคมไม่เคยทำสิ่งดีๆให้กับเราบ้างเลย มีเเต่จะเเย่งชิงเเละเเข่งขันทางอำนาจ ลัทธิต่างๆ บวกค่ากับความวุ่นวาย เเละไม่เท่าเทียมกันในชนชั้นสังคม เลยกลายเป็นที่มาของการกดขี่ผู้ที่ด้อยอำนาจกว่าเเละไม่เป็นธรรม 


เหตุนี้อาจทำให้ความยุติธรรมถูกพดุงขึ้นจากในหมู่ชนของผู้ที่อยากผดุงความยุติธรรมจริงๆขึ้นมา หรือที่เรียกกันติดปากว่า "ฮีโร่"  




ในมุมมองผมถ้าคุณมองทุกอย่างไปตามระเบียบที่ได้มองเห็นเเบบไม่ออกจากกรอบกฏเกณฑ์อะไร เเละถ้าเห็นขัดจากนี้จะมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร คุณก็จะมองมันในทางลบทันที  ผมคิดว่าอย่างนั้น

เเต่ถ้าคำนึงหลักของความเป็นจริง ลองคิดเล่นๆกับการกระทำบ้าเลือดของพ่อลูกผู้ผดุงความยุติธรรมเหล่านี้ "ว่าวิธีนี้เเหล่ะเด็ดมาก!!" หาได้ยากที่มีใครจะทำเเบบนี้จริงๆ หรือเพราะในชีวิตจริงๆไม่มีใครทำเเบบนี้ได้ เเต่หนังเรื่องนี้ พอจะสร้างมันขึ้นมาได้ มันเลยทำให้หนังสนุกเเละน่าสนใจไงล่ะ ฮ่าๆ


ถึงเเม้ตัวหนังไม่ได้ต้องการสื่ออะไรที่มันยิ่งใหญ่ขนาดที่ผมได้กล่าวไป มองๆดูตัวเอกก็เเค่อยากลองเป็นฮีโร่ ช่วยเหลือผู้คน เพราะเขาเเค่สนใจจึงอยากลองทำด้วยตนเอง เเละก็หมกมุ่นกับมันเหล่านี้มานาน จนเกิดคำถามกับตัวเองว่าหากเราเป็นขึ้นมาจริงๆ เราจะช่วยผู้คนเหล่านั้นได้มากเเค่ไหนกัน เเล้วผลดีมันจะ "มากกว่า" หรือ "น้อยกว่า" ผลเสียอย่างไรกันเเน่ เเละการได้มาพบกับผู้ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน มันจะช่วยเพิ่มมุมมองทัศนคติของเขาไปมากกว่าเดิมเเค่ไหนอีก 


อ่านเเล้วตัดกับหนังสือการ์ตูนไปเยอะพอสมควร ถ้าเเยกเเยะหนังสือการ์ตูนหรือยก ระดับไปสู่ภาพยนตร์กับชีวิตจริง อาจจะเเตกต่างกันอย่างมากทีเดียว เเต่หนังพอจะเล่นประเด็นกับความสมจริงได้ใกล้เคียง เเละอย่างที่บอกว่ามัน "สดใหม่" สำหรับเเนวหนังซุปเปอร์ฮีโร่อื่นๆมาก ในความคิดผมหากทำต่อในภาคต่อๆไป คงมีประเด็นที่น่าสนใจอีกยิ่งๆขึ้นไปได้ 




เเต่ก็จริงอยู่ Kick-ass อาจดูเหมือนเป็นเรื่องราวธรรมดาๆ หนังปัญญาอ่อน ล้อเลียน เกรียนๆ เเต่ผมว่ามันไม่น่าถึงขนาดมุมนั้นด้านเดียว ถ้าคุณมีอุดมการณ์อะไรอย่างนึงเเล้วอยากลองทำดูเพื่อให้คนอื่นมาเห็นสิ่งที่เราจะทำจริงๆ เเบบเป็นรูปธรรม คุณจะพอมองภาพของหนังเรื่องนี้ออกครับ ถึงตัวละครยังไม่ได้โฟกัสอะไรที่มันชัดเจนขนาดนั้นก็เถอะ เเต่ที่ได้กล่าวไปหากทำต่อในภาคต่อๆไป ถ้าเอาประเด็นเหล่านี้ไปขยี้อีกนิดหน่อย ตัวละครก็จะเริ่มชัดเจนกับสิ่งที่ทำ เเละเข้าใจกับสิ่งที่ได้กระทำไปเเล้วในช่วงขณะนั้นๆยิ่งขึ้นก็ได้


ส่วนตัวผมชอบเรื่องนี้อยู่พอตัว เเต่มันก็มีให้ติเตียนหลายๆอย่างอยู่บ้าง เเต่ก็รอดูต่อไปว่าจะทำให้มันน่าสนใจมากขึ้นเเค่ไหนกว่าเดิม เเละถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวเลยอยู่เหมือนกัน ถึงมันอาจจะดูไม่เกินคาดอะไร เเต่บอกได้ว่ามัน "สุดยอด" 


ทิ้งท้าย Kick-ass อาจไม่เหมาะกับคนที่โลกสวยเท่าไรอย่างที่บอก เเต่ก็เรื่องปกติของหนังฝรั่งครับ ที่มีเเบบนี้อยู่เยอะเเยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นมุก18+ หรือความโหดเเละรุนเเรง เเต่นั้นไม่สำคัญเท่าสิ่งที่ได้ตีเเผ่ออกมาของเนื้อหา หรือเรื่องราวจริงๆที่ถ่ายทอดออกมาของภาพยนตร์ ให้เราได้ชมเเละตัดสินใจ เพราะสิ่งอื่นๆผมมองเป็นเรื่องบันเทิงมากกว่า เเต่ที่ผมมองว่ามันเป็นเเก่นสาระที่น่าสนใจก็คึือเรื่องราวของหนังเรื่องนี้ หรือ ประเด็นที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้ ซึ่งจริงๆมันมีได้หลายรูปเเบบเเล้วเเต่คนจะมองกัน อยู่ที่ดุลพินิจของบุคคลนั้นๆไป  เเต่สิ่งสำคัญ.."ดูหนังให้สนุกก็พอครับ" ^^

คะเเนน

ผมให้ 8.5/10 ครับ

1/2

ตัวอย่างหนัง

สนใจข้อมูล IMDb คลิ๊กตามลิงค์ด้านล่างครับ




"มีความสุขกับการชมภาพยนตร์ครับผม"


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger | Template Created By Lord HTML