รีวิวล่าสุดของBlog (จิ้มเบาๆที่รูปได้เลยครับ)

แสดงตัวอย่าง แสดงตัวอย่าง แสดงตัวอย่าง

23 มี.ค. 2557

The Hunger Games เกมล่าเกม (2012)

The Hunger Games  เกมล่าเกม



ส่วนหนึ่งที่ได้ยินจากกระเเสต่างๆ รวมถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์กับหนังมาเเรงในปี 2012 อย่าง The Hunger Games เกมล่าเกม ที่สร้างจากหนังสือวรรณกรรมนิยาย เเต่งโดย Suzanne Collins นั้นเป็นที่จับตามองของหลายๆคน เมื่อหนังจะถูกสร้างขึ้น สำหรับคอนิยายหนังสือก็หวังจะได้ดูเเบบเวอร์ชั่นหนังว่าจะตีความได้ออกมาอย่างไรเเละคล้ายกับหนังสือมากน้อยเเค่ไหน หรือพูดง่ายๆก็คือการรอรับชม เพราะส่วนหนึ่งเป็นเเฟนติดตามอ่านอยู่เเล้ว เเต่สำหรับผู้ที่ไม่ใช่เเฟนหนังสือมาก่อน ก็อาจจะคาดหวังไว้ในหลายๆอย่าง ด้วยอำนาจคำพูดที่ว่า "เกมล่าเกม" เเต่ The Hunger Games ไม่ใช่ เกมล่าเกมที่คิดไว้เเบบที่เราคิดกัน โทนหนังเองไม่ได้สื่อออกมารุนเเรงขนาดนั้นจริงๆ หลักๆคือเรื่องของอำนาจทางการเมือง เรื่องของความกดขี่่ต่างๆ ซึ่งโยงกันเป็นเหตุเป็นผลในรูปเเบบของมัน ถ้าใครหวังจะดูความดิบทรามเเบบ Battle Royale หรือ BR (2000) คุณคิดผิด..เเละนี่จึงเป็นที่มาของการเปรียบเทียบกันต่างๆนาๆ

เท่าที่ผมสังเกตุ อาจจะลองเเบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้ดังนี้ครับ


1.ผู้ที่ชอบ - ส่วนหนึ่งมาจากเเฟนนิยายเรื่องนี้อยู่เเล้ว (ถึงดูเเล้วยังไม่ค่อยเท่าหนังสือ เเต่เขาก็ยังติดตาม)


2.ผู้ที่ไม่ชอบ - ส่วนหนึ่งไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อน อาจจะยังไม่เข้าใจว่าเเท้จริงเเล้วหนังต้องการจะสื่ออะไร หรือคาดหวังว่าหนังจะทำออกมาโหดๆเหมือนกับ Battle Royale ซึ่งต่างกันอย่างเห็นได้ชัด


3.ผู้ที่ชอบ - ส่วนใหญ่ถูกจริตกับหนังประเภทนี้ (เเบบผม)


จำได้เลยครับว่าตอนดูใหม่ๆผมชอบมากถึงขั้นไปหาข้อมูลหนังสือมาอ่าน เเล้วหลังจากนั้นก็อินไปอีกหลายวัน...เเต่ก็บอกไว้ก่อน ผมไม่ได้อวยหนัง เเต่มันเเค่ถูกจริตกับผมเท่านั้นเอง เเบบว่ามันจิกกัดอ่ะครับ กับโลกปัจจุบันของเราอย่างดีเป็นเเน่เเท้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง เรื่องของการวางอำนาจ กดขี่ ในขณะที่หลายๆคนกำลังเดือดร้อน มันส่อให้เห็นถึงความ "ไม่เท่าเทียม" ตรงนี้เเหล่ะที่ผมโดนใจ


ในอนาคตหากเป็นดั่ง Hunger Games จริงๆ เเละเหลือเพียง 12 เขต..เราจะจินตนาการอย่างไร เราเองก็ได้เห็นทุกวันนี้ในโลกปัจจุบันเเล้วว่าคนเราเกิดมาก็ยิ่งทำลาย พอทำลายมากๆเข้าสิ่งต่างๆก็เริ่มพินาจย่อยยับจนเเทบจะไม่เหลืออะไรอีก ในมุมมองผู้เเต่งวรรณกรรมเรื่องนี้ บางทีอาจจะสื่อว่ายิ่งเราหลงระเริงใช้อำนาจในทางที่ผิด ผลสุดท้ายเราจะไม่เหลืออะไรก็ได้ (หากพูดถึงการเมืองเเบบเข้มข้น คุณต้องอ่านไปจนถึงเล่ม 3 ภาค Mockingjay)


สำหรับภาคนี้ ยังไม่ได้บอกถึงการเมืองเท่าไรนัก เพียงเเต่เเค่เกิ่นนำว่า..ทั้งหมดมันมาจากอิทธิพลของอำนาจทางการเมืองทั้งสิ้น เเต่ติดใจหลายๆอย่่างที่หนังยังตีความออกมาจากหนังสือไม่มากพอ เลยกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อีกเเง่มุมนึงของนักอ่านหลายๆท่าน เเต่โดยรวมผมยังเชื่อว่าทุกๆคนที่ติดตามอยู่เเล้วก็ยังคงคอยติดตามต่อไปจนจบ ผมเองก็เช่นกัน




เรื่องราวของ สาวน้อยเเคทนิสผู้มากับไฟ กลายเป็นสโลเเกนของหนังไปเเล้ว กับการรับบท เเคทนิส  (Jennifer Lawrence) สาวน้อยที่อยู่เขต 12 เเละเป็นคนอาสาเป็นเครื่องบรรณาการเเทนน้องสาว Primrose Everdeen (Willow Shields ) ซึ่งบทบาทการเเสดงไม่ต้องพูดถึง เรียกได้ว่าเล่นได้สมอารมณ์ไม่เเพ้นักเเสดงคนอื่นๆเลยทีเดียว ทำให้ผมหลงเเละชื่นชอบขึ้นมาทันที เเบบว่าเล่นได้มีเสน่ห์ชวนน่าหลงไหล อินจนเราเเทบจะเเบกชะตากรรมเเทนเธอได้เลย

ที่ว่า12 เขต อันที่จริงมี 13 เขตครับ เเต่...เนื่องจากเขต13ได้ทำการปฎิวัติการเมือง จึงทำให้เขต 13 ถูกทำลายย่อยยับทั้งเขต เหลือเพียง12เขต ด้วยบทลงโทษในครั้งนี้ ทุกๆปีจะต้องมีคนสังเวยชีวิตให้กับเกมล่าเกม นั่นคือการนำผู้คนมาเป็นเครื่องบรรณนาการในเกมครั้งนี้ สถานที่เมืองหลวง ในเเคปพิตอล โดยเงื่อนไขเกมผู้รอดจะเป็นผู้ที่เเข็งเเกร่งที่สุด เเละรอดได้เพียงคนเดียวเท่านั้น เเต่ระหว่างการต่อสู้ในสนามผู้เเข่งขันจะโดนผู้ควบคุมกลั่นเเกล้งต่างๆนาๆสารพัดที่จะทำ โดยเฉพาะสาวน้อยเเคทนิส




เขตหนึ่งจะส่งตัวเเทนจับฉลาก เขตละ 2 คน ซึ่งรวม 12เขตก็ 24 คน เเต่ผู้รอดจะต้องรอดเพียงคนเดียว ก่อนลงสนามจะมีการให้ฝึกการเอาตัวรอดเเละวิชาต่อสู้ เหมือนเล่นเกมเอาชีวิตรอด ประมาณนั้นเลย เเต่อาจไม่ได้โหดอะไรมาก เเต่ดูเเล้วก็อินได้เหมือนกัน เพราะเเต่ละคนก็ใช้ขีดความสามารถของตัวเองในการต่อสู้เอาชีวิตรอด

สิ่งสำคัญห้ามเอาไปเปรียบเทียบกับ BR (2000) เด็ดขาด ผมเคยอ่านเจอในเว็บนึง เขาบอกว่าผู้เเต่ง The Hunger Games เขาไม่รู้จักหนังเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป เเต่เรารู้จักกันเยอะ ส่วนหนึ่งอาจเพราะเป็นหนังโซนเอเชียบ้านเราก็เป็นได้





เรื่องราวตา่มหนังสือยังมีอีก บอกไว้ด้วยเหมือนกัน กลับที่ว่าเขตเเต่ละเขตมีความเป็นอยู่กันอย่างไร ทำอาชีพอะไร เเละโดดเด่นอะไร ในหนังนั้นจะบอกสำหรับเขต 12 ด้วยซึ่งจะเป็นเขตที่ยากจน อาชีพคือทำเหมืองถ่านหินครับ....หรือเป็นเขตที่นางเอกอาศัยอยู่นั่นเเหล่ะครับ

พูดถึงเขตนี้ผมกลับชอบเรื่อง ขนมปัง ที่พีต้าเป็นตัวบอกถึงเรื่องราวขนมปัง ใช่!!เพราะมันนุ่มเเละหอม น่าอร่อย ถ้าคุณไม่เคยได้ลองลิ้มรสชาติมัน คุณจะไม่เข้าใจจริงๆ เเล้วถ้ายิ่งคุณไม่เคยได้ลองกินมันมาเลยทั้งชีวิต คุณก็ยิ่งไม่เข้าใจใหญ่


กลับกัน ..ในวันหนึ่งที่คุณกินทิ้งๆขว้างๆ ขนมปังสุดเเสนเเพงเเค่ไหนก็กลายเป็นของว่างรสชาติห่วยๆทันที...เเต่สำหรับเขต 12 เเค่ก้อนขนมปังธรรมดาก็กลายเป็นอาหารที่เลิศหรูชิ้นโตสำหรับพวกเขาเหล่านั้นเเล้ว.....ดูตรงนี้ก็รู้ครับ ว่าความเป็นอยู่คงจะลำบากสุดๆ ผู้คน อดอยาก เเค่ก้อนขนมปัง มีได้ถือว่าดีมากๆเเล้ว เเล้วความฟุ่มเฟือยของฝั่งกระโน้นล่ะ? เขาจะกินขนมปังหมดชิ้นกันหรือเปล่า?





เมืองฝั่งกระโน้นที่ว่านี้ก็คือ ฉากในเมือง แคปปิตอล เมืองหลวงแห่งนคร พาเนม ที่ปกครองโดยประธานาธิบดี สโนว์ และ การแต่งกายที่แสนฉูดฉาดหลากสีสัน หลากแฟชั่น ซึ่งคนที่นี่ใช้ชีวิตกันอย่างหรูหรา ฟุ่มเฟือยไปวันๆ


ผมว่าเสน่ห์ของวรรณกรรมชุดนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับ เกมล่าเกม เลยด้วยซ้ำ...ตรงนั้นไม่ได้มีเเก่นสารอะไรเลย มันก็เเค่การการกระทำสนุกๆของคนมีอำนาจ ที่สร้างมาเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง เพียงเเค่สร้างคำพูดว่า เพื่อบทลงโทษเป็นกดหมู่...จริงๆผมก็เห็นด้วยนะ คนเราอยู่ได้ต้องมีกฏบ้างอะไรบ้างเเต่กฏนั้นๆก็ต้องมีขอบเขตด้วย


ผู้นำที่ดี ต้องเป็นผู้ตามที่ดี เเละจะปกครองคนหมู่มากได้ เเละอย่าเรียกว่าอำนาจเลย ให้เรียกว่าผู้มีความเสียสละดีกว่า  คนดีมีไม่มาก คนไม่ดีมีมากมาย คนดี บวกกับ คนไม่ดี เท่ากับคนดีเเละไม่ดี...ผู้ดูเเลคนหมู่มากได้ดี ย่อมเป็นที่รัก ผู้ดูเเลคนหมู่มากได้ไม่ดีเเละเห็นเเก่ตัวย่อมเป็นที่เกลียดชัง


อ่านมาถึงตรงนี้ เริ่มมองออกหรือยังครับ คำว่า เกมล่าเกม ในที่นี่ไม่ใช่ เกมล่าเกม เพื่อเอาตัวรอดในด่านโหดเพียงอย่างเดียว หรือเอาความสนุกเป็นที่ตั้ง เเต่หนังมันมีอะไรมากกว่านั้นครับ^^


ถ้าลองอ่านในหนังสือ คุณจะเข้าใจอะไรมากขึ้นๆ เเล้วยิ่งอ่านคุณจะยิ่งติดงอมเเงม (เเบบผม) หากดูหนังเเล้วชอบ เเต่ไม่อ่านหนังสือ มันก็ยังไงๆอยู่นะครับ อิอิ




ที่อยาก ติ สักนิดในหนังคือ เวอร์ชั่นหนัง กับความมืดมน เเละ หม่นหมองของหนังสือเห็นที่จะมากพอซะจนนักเเสดงหลายๆท่านอาจจะเล่นไม่ถึง หรือบางทีเล่นถึง เเต่บทยังไม่เเข็งเเรงเหมือนกับในหนังสือ (ยกเว้น Jennifer Lawrence เธอเล่นดีอยู่เเล้วครับ เเต่เสียดายฉากนึงตอนที่น้องสาวเธอโดนเรียกชื่อเป็นเครื่องบรรณาการ ถ้าในหนังสือเธอจะกรี๊ด! ตกใจ กระวนกระวาย เเบบใส่อารมณ์สุดๆ เเต่ในหนังก็ใช้ได้ในระดับหนึ่งครับ)

Gary Ross กำกับได้ดีเเล้ว เเต่ยังเล่นประเด็นจริงๆที่หนังสือให้ไม่มากพอ เลยทำให้หลายๆอย่างดูไม่เหมือน เเละขาดความเข้าใจที่ลึกซึ้ง..เเต่การตีความออกมาจากตัวหนังสือเป็นภาพยนตร์ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำส่งๆเเล้วออกมาดูดี...มันจะต้องมีความเข้าใจเเละซาบซึ้งไปเรื่องราวนั้นๆให้้ได้เสียก่อน ตอนเเรกๆเเฟนหนังสืออาจมีบ่นเยอะ เเต่อีกนัยนึงก็เข้าใจเเละยังติดตามต่อไปจนจบ..เเล้วถ้าผู้ที่ไม่เคยอ่านนิยายมาก่อนละ? คุณคิดว่าพวกเขาจะชอบกันหรือไม่ ตามธรรมเนียมการดูหนังครับ "มีชอบ" ย่อมมี "ไม่ชอบ" ผู้ที่ชอบคงจะถูกจริตหนังประเภทนี้เเบบผม สำหรับผู้ที่ไม่ชอบ เเละไม่เข้าใจตัวหนัง ก็ตามนั้นครับ อาจจะพาล หงุดหงิดเอาเสียได้




โดยรวมหนังก็ยังไม่ได้บอกอะไรเชิงลึกมาก สำหรับภาคต้นเริ่มเเรกนี้เเค่เป็นตัวปูเรื่องราวไปสู่การปฎิวัติต่อไป อาจมีหลายฉากที่ถือว่าทำได้ดีเเละอีกหลายๆฉากที่ยังไม่ถึงอรรถรสของหนังสือ หรือถึงเเม้ฝ่ายนักวิจารณ์เเละคนดูจะเเตกออกเป็น2กลุ่มใหญ่ๆก็ตาม เเต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนดูตามรายละบุคคลไป ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ การดูหนังของเราจะได้หลากหลาย ไม่ต้องเจาะจงเฉพาะคนกลุ่มเดียวกันที่เหมือนกันหมด ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องปรกติของนักดูหนัง รวมถึงผมด้วยซึ่งเป็นผู้เขียนวิจารณ์เรื่องนี้ เเต่ผมจะพยายามเขียนให้เป็นกลางที่สุด อาจมีใส่ความชอบส่วนตัวลงไปบ้างก็ถือเป็นสไตล์การเขียนของคนเขียนไปครับ

สำหรับภาคเเรกก็ประสบความสำเร็จด้านรายได้อยู่พอตัวอยู่เเล้ว หนังทำเงินมหาศาลอยู่เเล้ว ผมไม่อยากพูดถึงเลย ยอมรับครับกระเเสมาเเรงจริงในช่วงนั้น ผมเองยังหลอมตัวเข้าไปดูจนได้เลย เเละหวังไว้เเล้วภาคต่อลอยมาเเต่ไกลด้วย..หลังจากดูเสร็จครับ 


ตอนนี้อาจเป็นการรีวิวคร่าวๆก่อนครับ หากจะเริ่มเข้มเข้นจริงๆต้องภาคต่อใน Catching fire เเละ Mockingjay หรือหากใครสนใจจริงๆ เดี๋ยวผมจะเขียนข้อมูลของเรื่องราว The Hunger Games เก็บไว้ เผื่อคนที่สนใจจะได้เเวะเข้ามาอ่าน เเละทำความเข้าใจในหลายๆอย่างที่ยังสงสัย โดยจะบอกทั้งหมดเลยว่าเเต่ละเขตทำอาชีพอะไรกัน เเละความเป็นมาต่างๆ รวมถึงตัวละครสำคัญๆด้วย ในส่วนนี้หากเขียนในรีวิวจะเป็นการร่ายยาวจนน่าเบื่อไปก็ได้

คะเเนน
8/10


ตัวอย่างหนังครับ

ติดตามเเฟนเพจ 
Movie Review

ขอบคุณที่ติดตาม..
















Read More

24 ต.ค. 2556

Kick-ass 2 เกรียนโคตรมหาประลัย 2013

Kick-ass 2 เกรียนโคตรมหาประลัย
(กลับมาโหดอีกครั้ง)



มาเเล้ว...!! เกรียนโคตร 2 ถ้าพูดถึงมินดี้ และ เดฟ ก็เหมือนจะโตขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะมินดี้ยิ่งโตก็ยิ่งน่ารักทีเดียว ส่วนเดฟก็ล่ำขึ้นกว่าเดิมอยู่เหมือนกัน เเละหลังจากที่นับวันรอว่าจะมีใครมาทำภาคต่อหรือไม่ เเละผู้กำกับคนเดิมจะทำต่อไปได้ไหม เเละเเล้วก็มีคนใหม่มาทำต่อจริงๆจนได้ พอถึงผลที่ได้เชยชมมา ก็ไม่ถือว่าผิดหวังอะไร เเละก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเท่าไรอยู่เเล้ว เพราะตั้งความหวังรอดูมาเนิ่นนานเเล้ว ยังไงก็ต้องดูให้ได้ ถึงเสียงวิจารณ์ในหลายๆด้านจะบอกว่าไม่ค่อยดี เเต่ผมก็ยังอยากไปดูอยู่ดีนั่นเเหล่ะ
Read More

15 ก.ย. 2556

Kick-ass เกรียนโคตรมหาประลัย (2010)


Kick-ass : เกรียนโคตรมหาประลัย



"จะผิดไหม หากฉันจะเป็นฮีโร่"

พูดถึงหนังซุปเปอร์ฮีโร่เวลาดูมากๆ บางครั้งก็คิดอยากลองทำบ้างอยู่เหมือนกัน  เเต่พอคำนึงหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง คงจะกระทำเเบบนั้่นจริงๆได้ค่อนข้างยาก นอกเสียจากจะมีความพร้อมทุกอย่างเเล้วถึงพอจะคิดทำได้ อย่างน้อยๆ ก็ปัจจัยทรัพย์เอื้ออำนวยต่อการทำ , ร่างกาย ,วิชาต่อสู้ เเต่หากมองดูในความเป็นจริง ภาพยนตร์อาจดูเบาบางกว่าของจริงมากอยู่เเล้ว

Read More

7 พ.ค. 2556

[Evil Dead 3] Army of Darkness อภินิหารกองพันซี่โครง (1992)


 "Army of Darkness อภินิหารกองพันซี่โครง"


ภาคนี้เห็นจะต่อเนื่องมาจากภาคสอง เเต่ก็เป็นการต่อเนื่องที่ไม่ค่อยลงรอยเท่าไรนัก เพราะมีการตัดช่วงตอนท้ายของภาคสองออก เเล้วมาทำใหม่ในช่วงต่อของภาคสาม 
Read More

28 เม.ย. 2556

Evil dead ผีอมตะ2 (1987)


Evil dead ผีอมตะ2


ภาคนี้ถือว่าทำได้เเปลก เเลดูเหมือนไม่ค่อยเป็นภาคต่อเลยอ่ะ เรื่องราวตามสูตรเดิมเเบบภาคเเรกเป๊ะๆ ในเรื่องประมาณพระเอก แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ (Bruce Campbell)กับเเฟนสาว พากันไปพักบ้านบนเขาที่ไม่มีคนอาศัย อาจจะพามาฮันนิมูนกัน เเต่ก็อย่างที่เป็นครับ คือดันไปปลุกผีให้ตื่นอีกเเล้วครับท่าน เเต่คราวนี้เเฟนสาวของพระเอก นางไปก่อนเลย โดนคนเเรกเลย เเล้วก็ตายกันตั้งเเต่ต้นๆเรื่องเลยด้วย
Read More

Powered By Blogger | Template Created By Lord HTML