รีวิวล่าสุดของBlog (จิ้มเบาๆที่รูปได้เลยครับ)

แสดงตัวอย่าง แสดงตัวอย่าง แสดงตัวอย่าง

14 ก.พ. 2556

The Dark Knight Rises (2012)


>> The Dark Knight Rises อัศวินรัตติกาลผงาด!! (2012) <<


   ทุกการเดินทางก็ต้องมีจุดสิ้นสุด คริสโตเฟอร์ โนแลน ก็คงมองเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ มนุษย์ค้างคาว ฉบับของเขาต้องได้เวลาปิดฉากลงใน The Dark Knight Rises อัศวินรัตติกาลผงาด! โดยมีทีมนักแสดง ในภาคนี้ได้แก่ คริสเตียน เบล , ทอม ฮาร์ดี้ , แอนน์ แฮทธาเวย์ , มอร์แกน ฟรีแมน , แกรี่ โอล์ดแมน , ไมเคิล เคน , มารียง โกตียาร์ , โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ และ เลียม นีสัน

  ด้วยการที่ตั้งความคาดหวังไว้สูงมาก!! จึงเกิดการเปรียบเทียบ ต่างๆนาๆ ด้วยมาตรฐานงานสร้างในระดับสูงของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่มีความจริงจังในตัวอย่างBatman Begins สานต่อด้วยความเหนือชั้นขึ้นไปอีกกับ The Dark Knight โดยมี ฮีธ เลดเจอร์ (Heath Ledger) ในบทโจ๊กเกอร์ ซึ่งบทบาทการแสดง ทั้งบุคลิก ถือว่าเหนือชั้นจริงๆ นับถือจริงๆครับ และแน่นอนมันจะเป็นภาพจำของทุกคนที่ได้ชมเมื่อเอ่ยถึงภาค Knight ซึ่งถือว่าเป็นผลงานชั้นเยี่ยมที่สุดไปเลยก็ว่าได้

  ถึงแม้ว่าจะเชื่อมือผู้กำกับมือทองของยุคนี้อย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน แต่ก็ อดคิดไม่ได้ว่าในภาคปิดตำนานอัศวินรัตติกาล The Dark Knight Rises นั้น โนแลนจะมีอะไรมานำเสนอไม่ให้น้อยหน้า The Dark Knight ที่ใครต่างก็มองว่ามันอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว แต่หลังจากที่ชมจบก็ทำให้ผมพบคำตอบว่า ไม่ควรสงสัยในฝีมือการกำกับของโนแลนตั้งแต่แรกแล้ว!

  แม้หลายๆคนจะบอกว่า The Dark Knight เข้มข้นกว่า ได้อารมณ์มากกว่า ได้อารมณ์ความเป็นศาสตร์ และศิลป์ มากกว่า ส่วนนั้นยอมรับครับ เพราะมันเหนือชั้นจริงๆ แต่..นั้นคือ The Dark Knight!!ครับ ซึ่งไม่ใช่ “The Dark Knight Rises”

  เพราะอะไรน่ะเหรอ ผมมองว่า ไม่น่าจะเอามาเปรียบเทียบกันได้ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ถึงต้องเอามาเปรียบเทียบกันด้วย ในมุมมองของผม กลับคิดว่า สิ่งอะไรที่มันเพิ่มเข้ามา อะไรที่มันเเตกต่างมากกว่าเดิม ความเเปลกใหม่ หรือความสมจริง ความมีมิติของตัวละคร สิ่งที่เห็นเด่นชัดเลยใน Rises ก็คือหนังมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ...นั่นคือซีเรียส และจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม เราจะได้เห็นถึงมิติความเป็นมนุษย์ สิ่งที่จับต้องได้ และอารมณ์ที่รับรู้ได้ในทุก ๆ ตัวละคร ขอบอกก่อนเลยนะครับว่า สำหรับภาคนี้ ผมถือว่าไม่ได้ด้อยกว่า The Dark Knight เลย เพราะถ้าได้ดูภาค 1 2 และ 3 ต่อเนื่องกัน จะรู้ว่าในแต่ละภาคอะไรที่แตกต่างออกไป ซึ่งยากที่จะนำมาเปรียบเทียบกัน แต่บอกได้ว่ามันสุดยอด และถึงจะแตกต่าง แต่ก็สามารถประสานเนื้อเรื่อง ตั้งแต่ภาค Begin มาจนถึง Rises ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

  ผมจะไม่ขอเปรียบเทียบนะครับ ว่าภาคไหนดีที่สุด สนุกที่สุด .. เพราะมันสนุกทั้ง3ภาค ครับ เเต่สนุกออกไปคนละเเบบในมุมมองที่หนังต้องการนำเสนอครับ ส่วนสำหรับภาคนี้บอกได้คำเดียวว่า.. เป็นการปิดไตรภาคได้สมบูรณ์แบบจริงๆครับ อะไรที่สงสัยหรือคาใจ ก็ได้ถูกคี่คลายจนหมดแล้ว...มันลงตัวที่สุดแล้ว

  สำหรับ The Dark Knight Rises ในเนื้อเรื่อง จะเล่าถึงเรื่องราวในอีก 8 ปีหลังจากเหตุการณ์ใน The Dark Knight ซึ่ง ก็อทแธม ในเวลานี้..เป็นช่วงเวลาแห่งความสงบสุข ไร้อาชญากรมานาน หลังจาก Harvey Dent กลายเป็นทั้งสัญลักษณ์ ผู้นำพาความสงบมาสู่เมืองก็อทแธม เป็นทั้งแรงจูงใจ และเป็นกระทั่งกฏหมายคอยควบคุมให้เมือง แต่ในทางกลับกัน แบทแมน กลับตกอยู่ในฐานะผู้ต้องหาหมายเลขหนึ่งที่ตำรวจหมายหัว และนี่คือสิ่งที่แบทแมนต้องการ..

  มหาเศรษฐี บรูซ เวย์น ไม่มีใครเห็นเขาอีกเลยตั้งแต่วันที่ แบทแมน หายตัวไป เขาเก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์เวย์น มีเพียงอัลเฟรด คนรับใช้คนสนิทเพียงคนเดียวเท่านั้นที่คอยอยู่เคียงข้างเขา บรูซ เวย์น ไม่สามารถที่จะออกไปยืนหยัดต่อโลกภายนอกได้อีกแล้ว เขาทิ้งความเป็นแบทแมน และคงจะไม่หวนกลับไปอีก บวกด้วยสภาพจิตใจอันย่ำแย่หลังจากการสูญเสียคนรักเมื่อ 8 ปีก่อน...และไม่อาจจะออกไปไหนได้ อีกต่อไป...

  จนกระทั่งการมาถึงของ เซลิน่า ไคล์ (แอนน์ แฮททาเวย์) นางแมวขโมยเจ้าเล่ห์ที่มีแผนการลึกลับของตัวเอง เธอเป็นสาวที่มี เสน่ห์ และเซ็กซี่มาก (555) และความเสน่ห์ของเธอ ก็ได้ซ่อนความร้ายกาจไว้ด้วยเช่นกัน เธอเพียงแต่มาเตือนว่า.. “พายุกำลังจะมา”แล้วพายุลูกที่ว่าก็มาจริงๆ เพราะความสงบสุขเมืองก็อทแธมมี เป็นเพียงความสงบก่อนที่พายุใหญ่กำลังจะมา! เพราะการปรากฏตัวของ เบน (Tom Hardy) วายร้ายคนใหม่ กับแผนการไม่ชอบมาพากล พร้อมกับเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่จะจมเมืองก็อธแธมไปพร้อมกับทุกคนที่นี่ อธิบดีกอร์ดอน ไปพบเจอ เบน และสมุนกองโจรของเบนโดยบังเอิญ กอร์ดอน ลบหนีออกมาได้ด้วยสภาพบาดเจ็บสาหัส แล้วนำความมาบอกกับ บรูซ เวย์น เมื่อเห็นว่ากอธแฮมกำลังจะเจอกับภัยร้าย แบทแมน จึงต้องกลับมาผงาด! อีกครั้ง!!

  แต่..การกลับมาของ แบทแมน ครั้งนี้ร่างกายของเขาไม่ได้แข็งแรง เหมือนคนหนุ่มอีกต่อไปแล้ว… หลังจากถูกนางแมวป่า หลอก ให้ไปเจอกับ เบน การปะทะกันครั้งแรก แบทแมน เรียกได้ว่าถูกทำลายย่อยยับ ทั้งพละกำลัง ความเร็ว ความดุดัน เขาสู้กับ เบน ไม่ได้โดยสิ้นเชิง สุดท้าย บรูซ ก็ถูกจับไปจองจำในคุก หรือ หลุมนรก นั่นเอง...ซึ่งในประวัติ ไม่มีใครสามารถรอดออกมาได้ มีเพียงการเล่าขานกันว่า มีเด็กคนหนึ่งสามารถทำได้ แต่นั้นก็เป็นแค่เพียงเรื่องเล่าขาน มานาน...แล้ว

  หลังจากนั้น เบน สามารถยึด ก็อทแธม และควบคุมได้เกือบทั้งหมด เหตุการณ์ก็เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ทั้งการปล่อยตัวนักโทษ อ้างว่าเป็นการเอาเปรียบชนชั้นทางสังคม จึงต้องได้สิทธิเท่าเทียมกัน เหตุการร์ก็ยิ่งไปกันใหญ่ ส่วนตำรวจเกือบทั้งเมืองก็ถูกขังอยู่ใต้ท่อ ระบายน้ำ พร้อมกันทั้ง อุปกรณ์ฟิวชัน ได้เปลี่ยนมาเป็นระเบิดปรมาณูโดยสมบูรณ์ ในระยะเวลาเพียง 5 เดือน และ ก็อธแฮมกำลังจะแหลกเป็นจุน ด้วยระเบิดขนาดทำลายสูงนี้ และก็เหลือเวลาไม่มากแล้ว.. บรูช ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!!

  บรูช ฝึกร่างกาย อย่างหนักเพื่อจะออกจากคุกนี่ แต่นั้นก็ไม่อาจเป็นผลสำเร็จ บรูช พยายามหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สำเร็จ หรือว่าแท้จริงแล้ว เขาต้องทำความเข้าใจกับอะไรบางอย่างเสียก่อน จนกระทั้งเขาได้รู้ถึงความกลัวที่แท้จริง และรู้ว่าจะเอาชนะมันอย่างไร และนั่นจะทำให้หลุดพ้นไปจากตรงนี้ได้ ในที่สุดเขาก็รู้เเละเข้า จึงก้าวพ้นออกมาได้ในที่สุด

  ตัวหนังมีการแทรกเรื่องราวภาคต้นอย่าง Begins และ ภาค Night ลงไปอย่างแนบเนียน เหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่า อันนี้ภาคสุดท้ายแล้วน่ะ ภาคนี้คอหนังแอคชั่นจะสะใจไม่น้อย เพราะมีฉากระเบิด ฉากไล่ล่า การขับเครื่องบิน สุดตื่นเต้นมาให้ชมอย่างไม่อั้น ยิ่งช่วงท้ายของหนังยิ่งจัดเต็มอย่างสะใจอย่างมาก ประมาณว่า ตาต่อตา ฟันต่อฟัน พวกฉันนี่แหล่ะจะหยุดแก!!

  และฉากที่พี่ แบทแมน หิ้ว ระเบิดไปทิ้ง ผมสัมผัสถึงการเสียสละที่หาที่เปรียบไม่ได้ เพราะมันคือการเสียสละที่ยิ่งใหญ่มาก และเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะทำให้กับเมือง ก็อทแธม ที่เขารักมากที่สุด เขาไม่ลังเลที่จะทำ เขามุ่งหน้าที่จะช่วยเหลือทุกคนให้ปลอดภัย และก็จบชีวิตไปพร้อมกับเรื่องเลวร้ายเหล่านี้ทั้งหมด...

  ผมขอชื่นชมในนักแสดงนะ ที่เล่นดีมาก ทำให้เราอินไปกับตัวละครนั้นๆ โดยเฉพาะ ไมเคิล เคน ที่รับบทเป็น อัลเฟรด ทำให้ผมร้องไห้ไปด้วยเลยครับ ประทับใจจริงๆ..^^

  ส่วนนาย ตำรวจหนุ่มไฟแรงอย่าง จอห์น เบลค (โจเซฟ กอร์ดอน - เลวิทท์) แน่นอนเขาก็ร่วมงานกับ โนแลน มาแล้วใน (Inception) เขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เลือดใหม่ไฟแรง เรียกได้ว่าพ่อหนุ่มโจเซฟ แสดงเรื่องนี้ได้ดีมากๆ โผล่มากี่ทีบทเด่นตลอดเลย ถือว่ามีความโดดเด่น ไม่แพ้ตัวละครอื่นๆเลย และตอนจบ เขาคือผู้สานต่อแบทแมนหรือไม่ อันนี้ต้องรอติดตามต่อไป...

  ส่วน มาริยง โกติยาร์ท ที่แน่นอนเธอก็เคยร่วมงานกับ โนแลน ใน Inception มาครั้งนี้ เธอรับบทเป็น มิแรนด้า เทด ผู้สนับสนุนโครงการฟิวชันรักษ์โลกของ เวย์น เอนเตอร์ไพรซ์ พร้อมทั้งพยายามจะเจอ บรูซ ให้ได้ เธอดูมีเมตตา เป็นคนดีทุกอย่างที่เธอทำ เธอทำเพื่อ บรูซ ครับ ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมเช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้น่าประหลาดใจ และตื่นเต้น เธอดันเป็นตัวร้ายฝ่ายเดียวกับ เบน เสียดาย คาดไม่ถึงจริงๆ (แต่ในใจก็แอบคิดว่า อาจจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน ฮ่าๆ) แต่ท่าน บรูช เวนร์ ก็ได้อ่ะจึ๊บๆกับเธอ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 555+

  ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีใครแพ้ใคร ฉากการปะทะครั้งใหญ่ของกองกำลังตำรวจ และเหล่ากองทัพเบน ทำได้ออกมาน่าตื่นเต้นมากๆ มันทรงพลังสุดๆ มันดิบๆ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน และฉากระเบิด ตอนที่เกิดการระเบิดไปทั่วเมืองกอธแฮม มันเป็นประสบการณ์การดูหนังที่สุดยอดมากๆ มีระเบิดเป็นจุดๆไปตามเมือง ตามสะพานที่เชื่อมต่อกอธแฮมสู่โลกภายนอก ไฮท์ไลท์เด็ดเลยคือการระเบิดสนามฟุตบอล ตามตัวอย่างหนังที่แสดงให้เห็นกันไปแล้ว บอกได้เลยว่าตัวหนัง The Dark Knight Rises คือหนังที่มีการปิดเรื่องราวไตรภาคได้ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา จบตำนานการเดินทางอันยิ่งใหญ่ของ มนุษย์ค้างคาว ฉบับ คริสโตเฟอร์ โนแลน ลงได้อย่างยอดเยี่ยมครับ ผมดูแล้ว อิน จนร้องไห้.. แนะนำนะครับ หากจะดูหนังให้ได้อรรถรส น้ำเสียง แนะนำให้ดูแบบ Soundtrack จะได้อารมณ์ร่วมมากกว่า ดู ภาคไทยนะครับ ^^

  และอีกอย่าง ดนตรีประกอบ (Hans Zimmer) ที่ปลุกเร้าความฮึกเหิมและเน้นถึงความยิ่งใหญ่ของเรื่องราวในภาคสุดท้ายได้อย่างยอดเยี่ยม ที่น่าขนลุก ตื่นเต้น ผมมีความรู้สึกว่า...หนัง 2 ชม. 40นาที กว่าๆนี้ ผ่านไปเร็วมาก ประทับใจมากๆครับ...^^

  และฉากสุดท้าย ถือว่าจบได้ดีมาก ทำให้เราคิดต่อยอดไป เป็นการจบที่ไปคิดต่อเอาว่า สรุปแบทแมน ตายหรือไม่ แล้วสิ่งที่ อัลเฟรด เห็น บรูช เวนร์ กับ เซลิน่า ไคล์ ในร้านกาแฟ คืออะไร หรือว่ามันคือภาพที่ อัลเฟรด คิดขึ้นมาเอง เพราะเขาอยากจะเห็นภาพเหล่านี้ในความคิดของเขา ส่วนนี้เราก็นำไปคิดต่อกันเอาเอง...สุดยอดครับ

  หนังให้ข้อคิดต่างๆมากมาย ทั้งคำพูดปรัญชาต่างๆ ล้วนเป็นคำคมคายเสียทุกคำ สามารถนำมาคิดเเละปรับใช้กับชีวิตประจำวันกับเราได้ดี หากเเต่ว่าเราเข้าใจมันอย่างถ่องเเท้ และสิ่งสุดท้ายที่จะกล่าว...คือ นี่เป็น "บทสรุปไตรภาค" ที่ยอดเยี่ยมมากๆ

คะแนนสำหรับหนังฮีโร่ผู้เสียสละ เรื่องนี้..

9.5/10

ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครั






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger | Template Created By Lord HTML